Sisterhood

อมรา เกียรตินิมิต

1 เดือนที่แล้ว

🌈✨ DEI Forum & Workshop 2025 ✨🌈
เวทีสำคัญเพื่อขับเคลื่อนความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของทุกคน พบกับตัวแทนจากภาคชุมชนและองค์กรที่ยืนหยัดเพื่อสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
📣 หัวข้อ Community to Community: Voices Empowering the DEI Future
📅 วันที่ 24 กัน ... ดูเพิ่มเติม

5 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

4 เดือนที่แล้ว

🌈 ความหลากหลายคือพลังของสังคม: จากสมรสเท่าเทียมสู่ Pride ที่เติบโต

นับตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2563 ที่พรรคก้าวไกลในขณะนั้นได้ยื่นร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เสียงเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียมทางเพศในประเทศไทยก็เริ่มเปล่งประกายขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ในเวที ... ดูเพิ่มเติม

🌈 ความหลากหลายคือพลังของสังคม: จากสมรสเท่าเทียมสู่ Pride ที่เติบโต

นับตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2563 ที่พรรคก้าวไกลในขณะนั้นได้ยื่นร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เสียงเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียมทางเพศในประเทศไทยก็เริ่มเปล่งประกายขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ในเวทีรัฐสภา แต่ยังสะท้อนผ่านวัฒนธรรมและสังคมโดยรวม โดยเฉพาะในพื้นที่ของงานไพรด์ (Pride) ซึ่งจากเดิมที่เคยถูกจำกัดอยู่ในบางพื้นที่ วันนี้ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่จัดอย่างกว้างขวางและยิ่งใหญ่ขึ้นทุกปี

ความหลากหลายทางเพศไม่ใช่เพียงอัตลักษณ์ส่วนบุคคล แต่คือประเด็นสาธารณะ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน ธรรมาภิบาล และความเท่าเทียมในการพัฒนาเศรษฐกิจ ประเด็นสำคัญในวันนี้คือการร่วมกันสร้างความเข้าใจระหว่างภาคธุรกิจ ภาคสังคม และภาครัฐ เพื่อให้ความเท่าเทียมทางเพศและความหลากหลายทางเพศมีส่วนร่วมในโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างแท้จริง

🧡 ปราศจากการเลือกปฏิบัติ และขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบและการมีส่วนร่วม

เครื่องมือสำคัญอย่าง UNGPs (Guiding Principles on Business and Human Rights) และ DEI (Diversity, Equity, and Inclusion) ไม่ใช่เพียงแนวคิดเพื่อองค์กรที่ “มีภาพลักษณ์ดี” แต่พิสูจน์แล้วว่า ช่วยเพิ่มนวัตกรรม การรักษาพนักงาน และผลประกอบการทางธุรกิจในระยะยาว และไม่ใช่เพียงแค่ในองค์กร แต่พูดถึงความเท่าเทียมและความหลากหลายในห่วงโซ่อุปทานและนำไปสู่สินค้าบริการที่มีความหลากหลายและเคารพสิทธิมนุษยชน

จากรายงานของ McKinsey & Company (2023) บริษัทที่มีทีมผู้บริหารหลากหลายทางเพศและวัฒนธรรมมีโอกาสทำกำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมถึง 36% ในขณะที่ Gallup พบว่าองค์กรที่มีความหลากหลายและปลอดภัยเชิงจิตวิทยา มีระดับความผูกพันของพนักงานสูงกว่าถึง 20%

อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจเรื่อง DEI ยังถูกตีความคลาดเคลื่อนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเมื่อ กิจกรรมเพื่อความหลากหลายถูกทำให้กลายเป็นเพียง CSR เชิงสัญลักษณ์ เช่น การเปลี่ยนโลโก้เป็นสีรุ้ง การจัดกิจกรรมถ่ายรูป โดยไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายการจ้างงาน สวัสดิการ หรือช่องทางร้องเรียนที่ปลอดภัยให้กับพนักงาน LGBTQ+ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อ ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อองค์กรและแบรนด์ในระยะยาว และอาจสะท้อนถึงธรรมาภิบาลที่ว่างเปล่าซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างการเลือกปฏิบัติได้จริง

วันนี้ได้มาร่วมงาน One Bangkok One Pride ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ขอชื่นชม One Bangkok ที่เปิดพื้นที่แห่งความหลากหลายให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและภาคภูมิใจ และเชื่อมั่นว่างานนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่สังคมที่ไม่เพียงยอมรับความหลากหลาย แต่ยกระดับสู่การออกแบบโครงสร้างที่ ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

เพราะ Pride ไม่ใช่แค่เทศกาล — แต่คือการยืนยันว่า ความรัก ศักดิ์ศรี และความเท่าเทียม คือสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ และเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของรัฐ สังคม และองค์กรธุรกิจในโลกปัจจุบัน

#OneBangkokOnePride
#Pride2025 #PrideMonth
#UNGPs #DEI #Governance
#ธรรมาภิบาล #ความเท่าเทียมทางเพศ
#สสครูธัญ #พรรคประชาชน

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

5 เดือนที่แล้ว

คณะอนุกรรมาธิการฯ ศึกษาการบูรณาการ DEI กับ UNGPs เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในธุรกิจไทย ผ่านการประชุม 13 ครั้ง เสนอให้กระทรวงยุติธรรมเป็นแกนกลาง ขับเคลื่อนนโยบาย แก้ไขกฎหมาย และสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ถือเป็นการหารือเบื้องต้นเพื่อต่อยอดนโยบายต่อไป
#สิทธิมนุษยชน #ความหลากหลา ... ดูเพิ่มเติม

0 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

5 เดือนที่แล้ว

[จากคุนหมิงสู่แนวปฏิบัติ: เมื่อความเสมอภาคทางเพศต้องฝังอยู่ในห่วงโซ่อุปทาน]

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกรอบยุทธศาสตร์คุนหมิง ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS 2030) ซึ่งมีการระบุ “ประเด็นตัดขวาง” ได้แก่ เยาวชน ความเท่าเที ... ดูเพิ่มเติม

[จากคุนหมิงสู่แนวปฏิบัติ: เมื่อความเสมอภาคทางเพศต้องฝังอยู่ในห่วงโซ่อุปทาน]

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกรอบยุทธศาสตร์คุนหมิง ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS 2030) ซึ่งมีการระบุ “ประเด็นตัดขวาง” ได้แก่ เยาวชน ความเท่าเทียมทางเพศ และกลุ่มด้อยโอกาส ที่มีความสอดคล้องอย่างยิ่งกับแนวคิด DEI (Diversity, Equity, and Inclusion)

คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงมีมติสอบถามไปยังกระทรวงเกษตรฯ และ พม. เพื่อให้ตรวจสอบการนำหลักการดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ แต่พบว่ายังไม่มีแผนงานที่ชัดเจนในมิตินี้

🍊หลักการ DEI ในห่วงโซ่อุปทาน: ตัวอย่างแผนงานและตัวชี้วัดจากต่างประเทศ

แทนที่จะเน้นเฉพาะเชิงนโยบาย คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงเสนอให้ดูตัวอย่าง แผนงานและตัวชี้วัดความเสมอภาคทางเพศในห่วงโซ่อุปทาน ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทไทยได้ ทั้งจากรัฐและเอกชน ดังนี้

1. Nestlé (สวิตเซอร์แลนด์) – Gender-inclusive Procurement Policy

แผนงาน:
Nestlé มีนโยบายจัดซื้อจัดจ้างที่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการหญิงในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน เช่น การจัดหาวัตถุดิบจากเกษตรกรหญิงในแอฟริกาและเอเชีย

ตัวชี้วัด:
• สัดส่วนมูลค่าการจัดซื้อที่มาจากธุรกิจที่นำโดยผู้หญิง
• จำนวนโครงการอบรมทักษะธุรกิจให้กับผู้หญิงในห่วงโซ่อุปทาน
• ร้อยละของผู้หญิงที่เข้าถึงโครงการพัฒนาเกษตรแบบยั่งยืนของบริษัท

2. กรมการพาณิชย์ของแคนาดา – Supplier Diversity Program

แผนงาน:
รัฐสนับสนุนให้หน่วยงานรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจจัดซื้อจาก “ผู้จัดหาที่หลากหลาย” โดยเฉพาะผู้หญิง ผู้พิการ และชนกลุ่มน้อย ผ่านโครงการ Supply Chain Canada

ตัวชี้วัด:
• ร้อยละของงบจัดซื้อภาครัฐที่มาจากธุรกิจหญิงหรือกลุ่มด้อยโอกาส
• จำนวนใบรับรองที่ออกให้กับผู้ประกอบการหญิง
• จำนวนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า/จับคู่ธุรกิจเฉพาะกลุ่ม

🍊ข้อเสนอเชิงระบบ: บทเรียนจากต่างประเทศสู่กรอบ GMS 2030

จากกรณีศึกษาข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า การสร้างความเสมอภาคทางเพศไม่ได้อยู่แค่ระดับนโยบาย แต่ควรถูกฝังใน กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและพัฒนาศักยภาพผู้มีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทาน ด้วยแนวทาง ดังนี้:
1. ตั้งเป้าและติดตามผล อย่างเป็นรูปธรรม เช่น กำหนดสัดส่วนจัดซื้อจากธุรกิจหญิง
2. พัฒนาฐานข้อมูลและออกใบรับรอง สำหรับธุรกิจที่นำโดยผู้หญิงหรือกลุ่มเปราะบาง
3. จัดโครงการอบรม-เสริมสร้างศักยภาพ เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวมีความสามารถแข่งขัน
4. สร้างความร่วมมือภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อให้มีการ “ร่วมลงทุนในความเท่าเทียม”

🧡สรุป

การบรรจุประเด็น “ความเสมอภาคทางเพศและกลุ่มด้อยโอกาส” ไว้ในกรอบยุทธศาสตร์คุนหมิงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่การเดินหน้าต่อไปต้องอาศัยกลไกที่วัดผลได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห่วงโซ่อุปทานภาคเกษตรและอาหาร ซึ่งเป็นหัวใจของ GMS 2030

ถึงเวลาแล้วที่การเปลี่ยนแปลงระบบเกษตรอาหาร ต้องไม่ใช่แค่ “เรื่องของผลผลิต” แต่ต้องเป็น “เรื่องของผู้คน” ที่เท่าเทียม

#ความเสมอภาคทางเพศ #DEI #GMS2030 #กรอบยุทธศาสตร์คุนหมิง #ห่วงโซ่อุปทานยั่งยืน #ความหลากหลายและการมีส่วนร่วม #พัฒนาที่ยั่งยืน #เศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง #เกษตรเพื่อความเท่าเทียม #สสครูธัญ #พรรคประชาชน

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

8 เดือนที่แล้ว

[แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ DEI ในห่วงโซ่อุปทานและผลกระทบต่อธุรกิจ]

การนำหลัก Diversity, Equity, and Inclusion (DEI) มาใช้ในห่วงโซ่อุปทานเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในธุรกิจสมัยใหม่ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการให้ความสำคัญกับความหลากหลายและความเสมอภาคในซัพพลายเชนสามารถเพ ... ดูเพิ่มเติม

[แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ DEI ในห่วงโซ่อุปทานและผลกระทบต่อธุรกิจ]

การนำหลัก Diversity, Equity, and Inclusion (DEI) มาใช้ในห่วงโซ่อุปทานเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในธุรกิจสมัยใหม่ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการให้ความสำคัญกับความหลากหลายและความเสมอภาคในซัพพลายเชนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ สร้างความภักดีของลูกค้า และกระตุ้นยอดขาย บริษัทที่ดำเนินนโยบายนี้ไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียง แต่ยังช่วยให้เกิดความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค

ตัวอย่างของบริษัทที่นำหลัก DEI ไปใช้ในห่วงโซ่อุปทาน ได้แก่ Unilever, Microsoft และ Nike Unilever ใช้นโยบาย Supplier Diversity Program เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เป็นของผู้หญิงและชนกลุ่มน้อย ซึ่งส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 3-5% และอัตราความภักดีของลูกค้าเพิ่มขึ้น 20% Microsoft มี Diverse Supplier Program ที่ช่วยลดต้นทุนการจัดซื้อได้ถึง 8% และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า 15% ส่วน Nike ลงทุนใน Fair Wage Programs เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในห่วงโซ่อุปทาน ส่งผลให้ความไว้วางใจในแบรนด์เพิ่มขึ้น 12% และยอดขายสูงขึ้น 6%

ในแง่ของผลกระทบต่อสังคม การดำเนินนโยบาย DEI ในห่วงโซ่อุปทานช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และสร้างงานที่มีคุณภาพให้กับกลุ่มคนที่ถูกละเลย การศึกษาโดย UN Global Compact และ World Economic Forum ชี้ให้เห็นว่าการปรับปรุงมาตรฐานแรงงานและการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กช่วยให้เกิดระบบเศรษฐกิจที่ครอบคลุมมากขึ้นและลดความเหลื่อมล้ำในระดับโลก

นอกจากประโยชน์ทางเศรษฐกิจแล้ว การนำ DEI มาใช้ยังช่วยสร้างความยั่งยืนในซัพพลายเชน บริษัทที่ให้ความสำคัญกับซัพพลายเออร์ที่เป็นธรรมและสนับสนุนแรงงานที่ด้อยโอกาสมีแนวโน้มที่จะได้รับการยอมรับจากนักลงทุนและสังคมมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิแรงงานและมาตรฐานแรงงานสากล

ดังนั้น การใช้ DEI ในห่วงโซ่อุปทานไม่ใช่เพียงแนวทางที่ช่วยสร้างความเป็นธรรมในสังคม แต่ยังเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทที่ลงทุนในแนวทางนี้พบว่ามี ยอดขายสูงขึ้น ความภักดีของลูกค้าเพิ่มขึ้น และต้นทุนลดลง จึงเป็นแนวทางที่จำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจในยุคใหม่

แหล่งข้อมูลทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง
1. Measuring circularity and sustainability in Italian agri-food systems – การวิเคราะห์ผลกระทบของซัพพลายเชนที่ยั่งยืน
2. Impact Measures for Business Process Compliance – การวัดผลกระทบของการปฏิบัติตามมาตรฐานทางธุรกิจ
3. Handbook on Life Cycle Sustainability Assessment – แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน

#ประชุมสภา #พรรคประชาชน #สสครูธัญ #การเมืองไทย #UNGPs #DEI #BusinessAndHumanRights

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

Trending Now