Sisterhood

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

5 เดือนที่แล้ว

[พัทยาในวันที่นักท่องเที่ยวจีนหายไป: แรงกระเพื่อมที่กระทบแรงงานข้ามเพศ]

เมื่อพูดถึงเมืองพัทยา ภาพของแสงสีและนักท่องเที่ยวคึกคักอาจผุดขึ้นในความทรงจำของหลายคน แต่สำหรับแรงงานในภาคบริการ โดยเฉพาะกลุ่มคนข้ามเพศที่ทำงานให้ความบันเทิงบนเรือกลางคืน “อ่าวนางฟ้า” และ “อ่าวราชินี” ภาพนั้ ... ดูเพิ่มเติม

[พัทยาในวันที่นักท่องเที่ยวจีนหายไป: แรงกระเพื่อมที่กระทบแรงงานข้ามเพศ]

เมื่อพูดถึงเมืองพัทยา ภาพของแสงสีและนักท่องเที่ยวคึกคักอาจผุดขึ้นในความทรงจำของหลายคน แต่สำหรับแรงงานในภาคบริการ โดยเฉพาะกลุ่มคนข้ามเพศที่ทำงานให้ความบันเทิงบนเรือกลางคืน “อ่าวนางฟ้า” และ “อ่าวราชินี” ภาพนั้นกำลังเลือนลางลงท่ามกลางความเงียบเหงาทางเศรษฐกิจ

มูลนิธิซิสเตอร์ พัทยา ซึ่งทำงานด้านสุขภาพและสิทธิมนุษยชนของบุคคลข้ามเพศ โดยเฉพาะการสนับสนุนผู้มีเชื้อ HIV เป็นองค์กรแรกที่พูดคุยตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 ในขณะที่ธัญยังสังกัดพรรคอนาคตใหม่ และยังคงเป็นพันธมิตรในการเคลื่อนไหวทางสังคมอย่างใกล้ชิดเรื่อยมา

จากการสัมภาษณ์ทีมงานมูลนิธิ ได้แก่ จิรณัฏฐ หิรัญปวรทิพย์ (วุ้นเส้น), กาญจน์ณภัทร กระจันทร์ (ไก่โต้ง) และ ณัฏฐ์ชนินทร์ อุปนันท์ (ตุ๊กติ๊ก) พบว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในพัทยาซบเซาต่อเนื่องจากผลกระทบหลายประการ โดยเฉพาะการลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเคยเป็นกลุ่มหลักที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ

สาเหตุสำคัญหนึ่งคือ การปราบปรามกลุ่มทุนจีนสีเทา และกรณีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับนักแสดงจีนถูกลักพาตัวที่เชื่อมโยงกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความรู้สึกปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้ทั้งกรุ๊ปทัวร์และนักท่องเที่ยวรายบุคคลหายไปจากแผนที่การท่องเที่ยวไทย

ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากอินเดียเริ่มเพิ่มขึ้น และกลุ่มจากยุโรปยังมีอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยกำลังซื้อจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในอดีตได้ รายได้ของแรงงานข้ามเพศในภาคบริการจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนต้องเผชิญกับรายได้ที่ไม่แน่นอนแต่มีภาระค่าใช้จ่ายถาวร ทั้งค่าที่พัก ค่ายา และการยังชีพ

สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจของแรงงานในภาคบริการที่ยังขาดหลักประกันพื้นฐานอย่างครอบคลุม และยังชี้ให้เห็นว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองท่องเที่ยวไม่อาจมองข้ามเสียงของแรงงานที่อยู่แนวหน้าได้อีกต่อไป

#พัทยา #แรงงานข้ามเพศ #HIV #สิทธิมนุษยชน #มูลนิธิซิสเตอร์ #ท่องเที่ยวไทย #เศรษฐกิจฐานราก #นักท่องเที่ยวจีน #TransRightsTH #สมัยสาวสาว #สสครูธัญ #พรรคประชาชน #สสยอดชาย

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

7 เดือนที่แล้ว

[Global Decriminalization Conventing in Bangkok : ประชุม Global Equality Caucus: ความท้าทายและโอกาสของสิทธิมนุษยชน]

เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ธัญ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชน ได้เข้าร่วมการประชุมหารือกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายประเทศ รวมถึงตัวแทนจากองค์กรระหว ... ดูเพิ่มเติม

[Global Decriminalization Conventing in Bangkok : ประชุม Global Equality Caucus: ความท้าทายและโอกาสของสิทธิมนุษยชน]

เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ธัญ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชน ได้เข้าร่วมการประชุมหารือกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายประเทศ รวมถึงตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNAIDS และ APCOM ภายใต้เวทีของ Global Equality Caucus ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมายเพื่อพูดคุยถึงบทบาทของสมาชิกรัฐสภาในการผลักดันกฎหมายและนโยบายที่ก้าวหน้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อสถานการณ์ HIV และการขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มั่นใจว่า “จะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ในเส้นทางสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2030

การอภิปรายในครั้งนี้ดำเนินรายการโดยคุณหลุยซา วอลล์ สมาชิกผู้ก่อตั้ง Global Equality Caucus จากประเทศนิวซีแลนด์ มีการแลกเปลี่ยนบทเรียนและประสบการณ์จากหลายประเทศ ได้แก่ ไลบีเรีย ยูกันดา ภูฏาน หมู่เกาะคุก แอฟริกาใต้ และประเทศไทย ธัญได้แบ่งปันความคืบหน้าเกี่ยวกับการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงประเด็นท้าทายที่ประเทศไทยยังต้องเดินหน้าต่อไป เช่น การรับรองอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลข้ามเพศตามกฎหมาย กฎหมายอุ้มบุญ และการคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ

เป็นเรื่องน่าเศร้า จากข้อมูลล่าสุด ยังมีหลายประเทศทั่วโลกที่ยังคงมีกฎหมายเอาผิดคนรักเพศเดียวกัน เช่น ซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน มอริเตเนีย ยูกันดา และบางรัฐในไนจีเรีย ที่การมีความสัมพันธ์ระหว่างคนเพศเดียวกันยังถือเป็นอาชญากรรมและมีบทลงโทษรุนแรง บางแห่งอาจถึงขั้นประหารชีวิต ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำที่ยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่ของโลก

การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาได้แลกเปลี่ยนมุมมองและแนวปฏิบัติจากนานาประเทศ เสริมสร้างความร่วมมือระดับโลกในการผลักดันนโยบายที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเท่าเทียม ธัญขอขอบคุณ Global Equality Caucus ที่จัดเวทีสำคัญนี้เพื่อสนับสนุนบทบาทของสมาชิกรัฐสภาในการขับเคลื่อนประเด็นสิทธิมนุษยชน และพร้อมนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปต่อยอดในการทำงานนโยบายของประเทศไทยต่อไป

#GlobalEqualityCaucus
#Decriminalization2025
#สมรสเท่าเทียม
#LGBTQrights
#สิทธิมนุษยชน
#HIVresponse
#พรรคประชาชน
#สสธัญ
#NoOneLeftBehind
#SDGs2030
#TransRights
#SexWorkersRights
#EqualRights

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

7 เดือนที่แล้ว

[หารือ APCOM ถึงสถานการณ์ LGBTQ+ และผู้มีเชื้อเอชไอวีในไทย กับความท้าทายของการทำงานชุมชน]

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้พบกับ มิดไนท์ พูนเกษตรวัฒนา และ วัฒนา เกี๋ยงพา จาก APCOM Foundation เพื่อหารือถึงสถานการณ์ของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ... ดูเพิ่มเติม

[หารือ APCOM ถึงสถานการณ์ LGBTQ+ และผู้มีเชื้อเอชไอวีในไทย กับความท้าทายของการทำงานชุมชน]

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้พบกับ มิดไนท์ พูนเกษตรวัฒนา และ วัฒนา เกี๋ยงพา จาก APCOM Foundation เพื่อหารือถึงสถานการณ์ของผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย รวมถึงอุปสรรคที่เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีต้องเผชิญ ท่ามกลางกระแสโลกและการตัดงบประมาณจากต่างประเทศ การสนทนาเน้นไปที่ปัญหาการเข้าถึงยาต้านไวรัส ซึ่งแม้ประเทศไทยสามารถผลิตได้เองแล้ว แต่บริการผ่านโรงพยาบาลศูนย์กลางเป็นหลัก ขณะที่การทำงานของชุมชนที่เน้นการเข้าถึงกลุ่มเฉพาะกลับไม่ได้รับการสนับสนุน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการยุติเอดส์

การหารือนี้ยังเน้นถึงความสำคัญของโมเดล RRTTPR (Reach, Recruit, Test, Treat, Prevent, Retain) ซึ่งเป็นแนวทางการทำงานที่ใช้กลุ่มเฉพาะเป็นศูนย์กลาง เพื่อนำบริการด้านเอชไอวีไปสู่ชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ ผลกระทบแหล่งทุน ทำให้กลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดอาจเข้าไม่ถึงการรักษาและการสนับสนุนที่เหมาะสม ธัญวัจน์เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ภาครัฐต้องร่วมหารือหาทางประสานการทำงานของชุมชนให้มากขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายการยุติเอดส์ได้อย่างแท้จริง

#สสครูธัญ #LGBTQIAN #HIV #AIDs #APCOM #พรรคประชาชน

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

8 เดือนที่แล้ว

[หารือแนวทางสนับสนุนการป้องกันและรักษาเอชไอวีในประเทศไทย]

ปัจจุบัน งานด้านการป้องกันและรักษาเอชไอวีในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากทั้งองค์กรภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังมีข้อจำกัด ด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ มูลนิธิแคร์แมท และ มูลนิธิ ... ดูเพิ่มเติม

[หารือแนวทางสนับสนุนการป้องกันและรักษาเอชไอวีในประเทศไทย]

ปัจจุบัน งานด้านการป้องกันและรักษาเอชไอวีในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากทั้งองค์กรภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังมีข้อจำกัด ด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ มูลนิธิแคร์แมท และ มูลนิธิเพื่อรัก ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่นำ โมเดล RRTTPR (Reach, Recruit, Test, Treat, Prevention, Retain) มาใช้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเสี่ยง ตรวจคัดกรอง รักษา และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งงานวิจัยจาก UNAIDS (2022) ยืนยันว่าแนวทางนี้ช่วยเพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการ ตรวจพบเชื้อเร็ว และช่วยให้ผู้มีเอชไอวีสามารถเข้าสู่สถานะ U=U (Undetectable = Untransmittable) ซึ่งหมายความว่าหากสามารถกดปริมาณ ไวรัสในร่างกายให้อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลาต่อเนื่องเกิน 6 เดือนก็จะไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อไปยัง ผู้อื่นได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการดำเนินงานส่วนใหญ่ยังพึ่งพาเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ ซึ่งอาจลดลงหรือยุติลงในอนาคต งานวิจัยจาก Hitap (2020) ระบุว่า ประเทศไทยควรมี กลไกการจัดสรรงบประมาณที่ยั่งยืน เพื่อให้โครงการเหล่านี้เดินหน้าต่อไปได้

ดังนั้น จึงขอหารือไปยังกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่ามีนโยบายหรือมาตรการอย่างไรในการรับมือกับการที่ USAID ระงับความช่วยเหลือระหว่างประเทศ และขอเสนอให้มีการสร้างพันธมิตรกับองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การป้องกันและรักษาเอชไอวีดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องการยุติการแพร่ระบาดของเอชไอวีภายในปี 2030

#สสครูธัญ #พรรคประชาชน #HIV #PrEP #PEP #สิทธิสุขภาพ #ยุติเอชไอวี2030

ดูน้อยลง

0 ถูกใจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

8 เดือนที่แล้ว

[การหารือโมเดล RRTTPR กับองค์กรในเชียงใหม่เพื่อความยั่งยืนในการยุติเอชไอวี]

องค์กรในเชียงใหม่ เช่น มูลนิธิแคร์แมท และ มูลนิธิเพื่อรัก ได้มีการนำโมเดล RRTTPR (Reach, Recruit, Test, Treat, Prevention, Retain) มาใช้ในการทำงานด้านการป้องกันและรักษาเอชไอวี โมเดลนี้เน้นการเข้าถึงกลุ่ม ... ดูเพิ่มเติม

[การหารือโมเดล RRTTPR กับองค์กรในเชียงใหม่เพื่อความยั่งยืนในการยุติเอชไอวี]

องค์กรในเชียงใหม่ เช่น มูลนิธิแคร์แมท และ มูลนิธิเพื่อรัก ได้มีการนำโมเดล RRTTPR (Reach, Recruit, Test, Treat, Prevention, Retain) มาใช้ในการทำงานด้านการป้องกันและรักษาเอชไอวี โมเดลนี้เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเชิงรุก การตรวจคัดกรอง การรักษา และการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศ งานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่าการดำเนินงานเชิงรุก เช่นนี้ มีประสิทธิภาพสูงในการลดการแพร่ระบาดและเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพ (UNAIDS, 2022)

ข้อมูลจากทั้งสององค์กรชี้ให้เห็นว่า การดำเนินงานตามโมเดล RRTTPR สามารถเพิ่มจำนวนผู้ที่เข้ารับการตรวจและการรักษาได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการให้บริการยาป้องกันก่อนการติดเชื้อ (PrEP) และการให้คำปรึกษาในกลุ่มที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบบริการ การทำงานเชิงรุกดังกล่าวช่วยลดอุปสรรค เช่น การถูกตีตราหรือความไม่สะดวกในการเดินทางไปโรงพยาบาล เริ่มยาต้านไวรัสโดยเร็วหรือทันทีที่ทราบผล จะช่วยเรื่องคุณภาพชีวิตของผู้มีเอชไอวี และเมื่อทานยาอย่างมีวินัยต่อเนื่อง เกิน 6 เดือน จนปริมาณไวรัสต่ำ เข้าสู่สถานะ U=U ก็จะไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อได้ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ การพึ่งพาเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ ซึ่งอาจลดลงในอนาคต งานวิจัยจาก Hitap (2020) ระบุว่า การจัดการงบประมาณที่ยั่งยืนในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญต่อความต่อเนื่องของการดำเนินงาน

การหารือครั้งนี้ได้เน้นถึงแนวทางสำคัญในการสร้างความยั่งยืน เช่น การสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ การระดมทุนจากภาคเอกชน และการเพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อลดการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ การทำงานเชิงรุก เช่น การลงพื้นที่และการให้บริการนอกสถานพยาบาล ควรได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าถึงกลุ่มประชากรที่เปราะบางและยากต่อการเข้าถึง การทำงานเชิงรับในโรงพยาบาลเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายการยุติเอชไอวีภายในปี 2030 (WHO, 2021)

ดังนั้น การดำเนินงานในอนาคตควรมุ่งเน้นการพัฒนากลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากการวิจัยและการสนับสนุนจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถยุติการแพร่ระบาดของเอชไอวีได้ในระยะยาว

#สสครูธัญ #พรรคประชาชน #HIV #AIDs

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

มีงานวิจัยที่เปรียบเทียบประสิทธิภาพของโมเดลการดำเนินงาน RRTTPR (Reach, Recruit, Test, Treat, Prevention, Retain) กับการให้บริการแบบเชิงรับในโรงพยาบาลรัฐ พบว่าโมเดล RRTTPR มีประสิทธิภาพสูงกว่าในการเข้าถึงและดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี

จากแหล่งข้อมูลข้างต้น สรุปได้ว่าโมเดล RRTTPR มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงและดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีมากกว่าการให้บริการแบบเชิงรับในโรงพยาบาลรัฐเพียงอย่างเดียว

[https://www.hitap.net/research/173112?utm_source=chatgpt.com]

ดูน้อยลง

ค้นหางานวิจัยและเอกสารวิชาการ - HITAP

0 ถูกใจ

Trending Now